การศึกษาเรื่องกำจัดสิ้นสีน้ำหมึกในครั้งนี้
ผู้ศึกษาได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยแบ่งเนื้อหาของเอกสารงานวิจัยออกเป็นหัวข้อต่างๆ
ดังนี้
1. ความหมายของการกำจัดสีน้ำหมึก
1.1
ความหมายของการกำจัดสีน้ำหมึก
1.2
ความหมายของน้ำหมึก
2. ประเภทและส่วนประกอบของน้ำหมึก
2.1
ประเภทของน้ำหมึก
2.2
ส่วนประกอบของน้ำหมึก
3.
ประเภทของสารที่ใช้กำจัดคราบหมึก
3.1
สารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
3.2 สารสมุนไพร
4. วิธีการกำจัดคราบหมึก
1. ความหมายของการกำจัดสีน้ำหมึก
1.1
ความหมายของการกำจัดสีน้ำหมึก
การกำจัดสีน้ำหมึก หมายถึง การนำหมึก
สิ่งที่ไม่ต้องการ สิ่งที่น่ารังเกียจ ไร้ประโยชน์
ซึ่งถ้าติดอยู่แล้วก็ไม่สามารถกระทำประโยชน์ หรือไม่มีผลดีอะไรเกิดขึ้น
โดยนำออกไปโดยวิธีการต่างๆ เช่นชัก หรือใช้สารต่างๆ เพื่อใช้สารต่างๆ
เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ หรือได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากลับคืนมา
1.2 ความหมายของน้ำหมึก
สีน้ำหมึก
หมายถึง สิ่งที่บรรจุอยู่ในหลอดพลาสติก
ซึ่งก็เป็นส่วนประกอบของปากกาที่อยู่ในแท่งปากกา
มีลักษณะเป็นของเหลวที่เป็นสีสันต่างๆ เช่น สีน้ำเงิน แดง ชมพู ฟ้า ซึ่งเมื่อขีด
เขียนลงบนกระดาษแล้วก็จะมีลักษณะเป็นเส้น และมีลักษณะเป็นสี
2. ประเภทและส่วนประกอบของน้ำหมึก
2.1 ประเภทของน้ำหมึก
หมึกฐานน้ำมัน
หมายถึง ของเหลวสำหรับเขียนโดยการหมุนของหัวลูกลื่นโดยมีน้ำมันเป็นตัวทำละลาย
มีลักษณะข้นเหนียวและมีความหนืดค่อนข้างสูง
หมึกเจล
หมายถึง ของเหลวสำหรับเขียน ซึ่งความหนืดลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อหัวลูกลื่นหมุน
ในขณะเขียน และเมื่อหยุดเขียนความหนืดจะกลับสู่สภาวะเดิม
2.2 ส่วนประกอบของหมึก
หมึกแห้งโดยทั่วไปมีองค์ประกอบ ๓ ส่วน คือ ตัวทำละลาย สี และสารเติมแต่ง
ส่วนแรก คือ ตัวทำละลาย หรือสารหล่อลื่น
โดยทั่วไปจะใช้ไกลคอล (glycol) ไกลคอล อีเทอร์
(glycol ether) หรือ อะโรมาติกแอลกอฮอล์
อย่างใดอย่างหนึ่งหรือผสมกัน สารเคมีเหล่านี้มีจุดเดือดสูงกว่า ๑๘๐ องศาเซลเซียส
จึงค่อนข้างเสถียรที่อุณหภูมิห้อง การระเหยของตัวทำละลายบริเวณปลายปากกาจะทำให้เกิดการปิดกั้นตัวเองโดยปริยาย
(self sealing skin) ทำให้ตัวทำละลายไม่ระเหยออกมาอีก
และยังป้องกันการเปรอะเปื้อนที่ปลายปากกาได้ด้วย
กระบวนการนี้ไม่มีผลต่อการไหลของหมึกเมื่อเขียนลงบนกระดาษ
ถึงกระนั้นในบางครั้งโครงสร้างแบบนี้ก็มีผลให้การเขียนในครั้งแรกมีปัญหาได้
ส่วนที่สอง คือ สี
จะใช้ในรูปของผงสีที่เลือกให้เหมาะสมกับตัวทำละลาย การผสมสี โดยปกติจะต้องใช้เวลา
ซึ่งขึ้นอยู่กับความไวต่อแสง น้ำ ความคงทนของสี และความสามารถในการผสมเข้ากับตัวทำละลาย
ส่วนหลังนี้สำคัญมากเพราะความเข้มข้นของสีที่ใช้นั้นจะสูงถึงร้อยละ ๕๐ โดยน้ำหนัก
ที่ต้องใช้ความเข้มข้นที่สูงเช่นนี้เพราะเฉพาะส่วนฟิล์มบาง ๆ
ของหมึกเท่านั้นที่จะติดอยู่บนกระดาษ และจากไส้หมึกปกติที่มีหมึกอยู่ประมาณ ๒๐
เท่าของน้ำหมึกในปากกาหมึกซึม ทำให้ต้องใช้ปริมาณของสีสูงมากไปด้วย
ส่วนสุดท้าย คือ สารเติมแต่ง ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดยผู้คิดสูตรเพื่อให้ได้หมึกที่ดีมีคุณสมบัติเฉพาะ
ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เป็นความลับ เพราะจะมีผลต่อการผลิตปากการุ่นใหม่ออกมา
3. ประเภทของสารที่ใช้กำจัดคราบหมึก
3.1 สารสมุนไพร
1. มะนาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus
aurantifolia (Christm) Swing.
วงศ์ : Rutaceae
ชื่อท้องถิ่น : ส้มมะนาว มะลิว (เชียงใหม่)
วงศ์ : Rutaceae
ชื่อท้องถิ่น : ส้มมะนาว มะลิว (เชียงใหม่)
ลักษณะทั่วไป
ผลมะนาวโดยทั่วไปมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
4
– 4.5 เซนติเมตร ต้นมะนาวเป็นไม้พุ่มเตี้ย สูงเต็มที่ราว 5 เมตร ก้านมีหนามเล็กน้อย มักมีใบดก ใบยาวเรียวเล็กน้อย คล้ายใบส้ม
ส่วนดอกสีขาวอมเหลือง ปกติจะมีดอกผลตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าแล้ง จะออกผลน้อย
และมีน้ำน้อย
มะนาวเป็นพืชพื้นเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนในภูมิภาคนี้รู้จักและใช้ประโยชน์จากมะนาวมาช้านาน
น้ำมะนาวนอกจากใช้ปรุงรสเปรี้ยวในอาหารหลายประเภทแล้ว ยังนำมาใช้เป็นเครื่องดื่ม
ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศทั่วโลก นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆ
เสียบไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส
ในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึง
7%
แต่กลิ่นไม่ฉุนอย่างมะกรูด น้ำมะนาวจึงมีประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาทำความสะอาด
เครื่องหอม และการบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาล้างจาน
ส่วนคุณสมบัติที่สำคัญ ทว่าเพิ่งได้ทราบเมื่อไม่ช้านานมานี้ (ราวคริสต์ศตวรรษที่ 19)
ก็คือ การป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งเคยเป็นปัญหาของนักเดินเรือมาช้านาน
ภายหลังได้มีการค้นพบว่าสาเหตุที่มะนาวสามารถช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด
เพราะในมะนาวมีไวตามินซีเป็นปริมาณมาก
มะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นสดชื่น
เพราะมีส่วนประกอบของสารซิโตรเนลลัล (Citronellal) ซิโครเนลลิล อะซีเตต (Citronellyl Acetate) ไลโมนีน
(Limonene) ไลนาลูล (Linalool) เทอร์พีนีออล
(Terpeneol) ฯลฯ รวมทั้งมีกรดซิตริค (Citric Acid) กรดมาลิค (Malic Acid) และกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic
Acid) ซึ่งถือเป็นกรดผลไม้ (AHA : Alpha Hydroxy Acids)
กลุ่มหนึ่ง เป็นที่ยอมรับว่าช่วยให้ผิวหน้าที่เสื่อมสภาพหลุดลอกออกไป
พร้อมๆ กับช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ช่วยให้รอยด่างดำหรือรอยแผลเป็นจางลง
พันธุ์ที่นิยมปลูกในประเทศไทย
มะนาวไข่ ผลกลม หัวท้ายยาว มีสีอ่อนคล้ายไข่เป็ด ขนาด 2-3 เซนติเมตร
เปลือกบาง
มะนาวแป้น ผลใหญ่ ค่อนข้างกลมแป้น เปลือกบาง มีน้ำมาก
นิยมใช้บริโภคมากกว่าพันธุ์อื่นๆ ในเชิงพาณิชย์จะปลูก
มะนาวพันธุ์แป้นรำไพและพันธุ์แป้นดกพิเศษ สามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้ง่าย
มะนาวหนัง ผลอ่อนกลมยาวหัวท้ายแหลม เมื่อโตเต็มที่ผลจะมีลักษณะกลมค่อนข้างยาว
มีเปลือกหนา ทำให้เก็บรักษาผลได้นาน
มะนาวทราย ทรงพุ่มสวยใช้เป็นไม้ประดับ ให้ผลตลอดปีแต่ไม่ค่อยนิยมบริโภค
เพราะน้ำมีรสขมเจือปน
มะนาวพันธุ์อื่น
ๆ ได้แก่ มะนาวฮิตาชิ, มะนาวหวาน, มะนาวปีนัง, มะนาวโมฬี, มะนาวพม่า,
มะนาวเตี้ย และมะนาวหนัง เป็นต้น
(มะนาวบางพันธุ์อาจเรียกได้หลายชื่อ แต่ในที่นี้ไม่ได้สืบค้นเพื่อจำแนกเอาไว้)
มะนาวสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์
รู้หรือไม่ว่ามะนาวถือเป็นยาอายุวัฒนะชนิดหนึ่ง เพราะมะนาวเป็นพืชที่มีคุณประโยชน์แทบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นราก ใบ ดอก
เมล็ด เปลือกของผลมะนาว หรือแม้แต่น้ำมะนาว
ต่างก็มีสรรพคุณทางยามากมายจนน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ยังช่วยดูแลผิวพรรณให้ผุดผ่อง
ใช้ทำความสะอาดเครื่องเรือนและ แถมยังช่วยเจริญอาหารอีกด้วย
มะนาวกับสรรพคุณทางยา
มะนาวถือเป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง
เพราะมะนาวมีส่วนช่วยในรักษาโรคและอาการต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ ช่วยแก้อาเจียนอันเนื่องมาจากความผิดปกติของธาตุในร่างกาย
รักษาอาการลมเงียบ รักษาอาการตาแดง ช่วยบรรเทาอาการไข้
นอกจากนี้ยังมีวิตามินซีสูง ช่วยในการรักษาอาการเลือดออกตามไรฟันหรือโรคลักปิดลักเปิด
ช่วยบรรเทาอาการไอและขับเสมหะ บรรเทาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ ลดอาการเหงือกบวม
เพราะมีวิตามินซีสูง มะนาวยังช่วยขับพยาธิและรักษาอาการท้องผูก ท้องอืด ปวดท้อง
ท้องแน่น ท้องเฟ้อ รักษาอาการอาการโรคกระเพาะ ท้องร่วง แก้อาการบิด
รักษาอาการปัสสาวะกระปริบกระปรอยหรือขัดเบา
ช่วยฟอกและบำรุงโลหิตรักษาอาการโลหิตจาง แก้โรคเหน็บชา
และยังช่วยรักษาอาการปวดข้อได้
มะนาวเป็นพืชที่มีกรดซึ่งดีต่อร่างกายอยู่เป็นส่วนประกอบ ภายในน้ำมะนาวนั้นมี กรดซิตริค (Citric Acid) กรดมาลิค
(Malic Acid) และกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ซึ่ง กรดซิตริคนั้นช่วยในการขจัดแคลเซียมที่สะสมอยู่ในหลอดเลือดแดง
ตับอ่อน และช่วยในการสลายนิ่วในไต้ได้
และยังช่วยในการขจัดล้างสารพิษโดยการกระตุ้นด้วยเอนไซม์ธรรมชาติ
ซึ่งช่วยบำรุงให้ผิวพรรณดีขึ้น
มะนาวนั้นอุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์
ซึ่งสารฟลาโวนอยด์นั้น ไม่เพียงแต่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซี แต่ยังช่วยในการควมคุมระบบความดันโลหิตและช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย
นอกจากนี้ในมะนาวยังมีสารลิโมนอยด์และโมดิฟายด์ ซิตรัส เพคติน
ซึ่งปรากฎในการศึกษาครั้งล่าสุดว่าช่วยในการหยุดยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง,
ชะลอการเจริญเติบโตและทำให้เซลล์มะเร็งนั้นตายในที่สุด ซึ่งถือว่าช่วยในการรักษามะเร็งได้ส่วนหนึ่งด้วย
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรฯ
ของสหรัฐอเมริกา (USDA) ระบุว่า
ในมะนาวดิบ 1 ผล ปริมาณ 100 กรัม
มีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ ดังนี้
- น้ำ 88.26 กรัม
- พลังงาน 30 แคลอรี่
- โปรตีน 0.70 กรัม
- ไขมัน 0.20 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 10.54 กรัม
- ไฟเบอร์ 2.8 กรัม
- น้ำตาล 1.69 กรัม
- แคลเซียม 33 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 102 มิลลิกรัม
- โซเดียม 2 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 29.1 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 50 IU
ประโยชน์ของมะนาวด้านอื่น ๆ
นอกจากมะนาวจะช่วยในการบำรุงความงามและช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว
มะนาวยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ
- ป้องกันภัยจากงู ด้วยการใช้เปลือกวางไว้บริเวณใกล้ที่นอน ๆ งูจะไม่มารบกวนเพราะได้กลิ่นมะนาว
- ป้องกันภัยจากงู ด้วยการใช้เปลือกวางไว้บริเวณใกล้ที่นอน ๆ งูจะไม่มารบกวนเพราะได้กลิ่นมะนาว
- ช่วยให้หุงข้าวมีสีขาวและอร่อยขึ้น ด้วยการนำน้ำมะนาวประมาณ 2-3 ช้อนแล้วนำไปซาวข้าว
- ช่วยให้ไข่เจียวฟูและนิ่ม
- ช่วยลดกลิ่นคาวจากปลาเมื่อทำอาหาร และทำให้ปลาคงรูปไม่เละ
- ช่วยให้ไข่เจียวฟูและนิ่ม
- ช่วยลดกลิ่นคาวจากปลาเมื่อทำอาหาร และทำให้ปลาคงรูปไม่เละ
- ใช้ในการล้างยางจากปลีกล้วยได้
- ช่วยให้กล้วยหักมุมเชื่อมให้น่ารับประทาน ด้วยการบีบมะนาวลงไปครึ่งซีก
ในขณะที่น้ำเชื่อมกำลังเดือด
- ช่วยป้องกันมอดในถังข้าวสารได้
- เปลือกมะนาวสามารถนำมาใช้ในการทำความสะอาดเครื่องเงิน เครื่องทองเหลือง และเครื่องทองแดงได้
น้ำมะนาวกับสรรพคุณน่ารู้
น้ำมะนาวนอกจากจะใช้ในการปรุงอาหารและผสมในเครื่องดื่มแล้ว น้ำมะนาวยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพต่าง ๆ อีกด้วย
น้ำมะนาวนอกจากจะใช้ในการปรุงอาหารและผสมในเครื่องดื่มแล้ว น้ำมะนาวยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพต่าง ๆ อีกด้วย
สภาพนิเวศน์
พบปลูกทั่วไป ขึ้นได้ในดินทุกชนิด
โดยเฉพาะดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี
|
2. มะเขือเทศ
มะเขือเทศ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Lycopersicon
esculentum Mill.) เป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร
มะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3
ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด
ชื่อสามัญ/ชื่ออังกฤษ Tomato
ชื่อวิทยาศาสตร์ Lycopersicon
esculuentum Mill.
วงศ์ Solanaceae
ชื่ออื่น/ชื่อถิ่น มะเขือ (ทั่วไป) มะเขือส้ม (ภาคเหนือ) ตรอบ (สุรินทร์) น้ำเนอ (เชียงใหม่)ตีรอบ (เขมร) ฮวงเกีย(จีน)
วงศ์ Solanaceae
ชื่ออื่น/ชื่อถิ่น มะเขือ (ทั่วไป) มะเขือส้ม (ภาคเหนือ) ตรอบ (สุรินทร์) น้ำเนอ (เชียงใหม่)ตีรอบ (เขมร) ฮวงเกีย(จีน)
มะเขือเทศมีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศเม็กซิโก มะเขือเทศสามารถขึ้นได้กับดินแทบทุกชนิด
แต่ชอบดินร่วนที่มีความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ของดินในช่วง 6.0-6.8 และความชื้นของดินพอเหมาะ ต้องการแสงแดดเต็มที่ตลอดวัน ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโต
ระหว่าง 21-24 องศาเซลเซียสเป็นพืชล้มลุกอายุเพียง 1 ปี
มะเขือเทศเป็นพืชล้มลุก ลำต้นเป็นพุ่มเตี้ยๆ ผลมีลักษณะกลมรี
บางพันธุ์ผลหยักเป็นร่อง 5-6 ร่อง
พาดจากขั้วถึงก้นผล บางพันธุ์ผลใหญ่ บางพันธุ์ผลเล็ก ผิวผลบางเรียบลื่นเป็นมัน ผลดิบสีเขียวเหนือแข็ง
ผลแก่สีเหลือง แดง ชมพู เนื้อนิ่มชุมน้ำ เมื่อสุกมากเนื้อจะเละ
มะเขือเทสส่วนใหญ่จะนำมากินเป็นผลไม้ หรือนำมาใส่ในน้ำซุป
ลำต้น ตั้งตรง มีลักษณะ เป็นไม้พุ่มเตี้ยกึ่งเลื้อย
ความสูง 50-150 ซม. แตกกิ่งก้านมาก
ลำต้นสีเขียว มีขนนุ่มปกคลุม และมีเมือกเหนียวมือ
ใบ เป็นใบประกอบ ออกสลับกัน
ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน บางใบเล็กรียาว บางใบกลมใหญ่ ปลายใบแหลม
ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อยมีขนอ่อน ๆ บริเวณซอกใบ ก้านใบยาว 3-5 ซม. มีใบย่อย 5-9 ซม. ใบย่อยรูปสามเหลี่ยม
ขอบใบจัก แผ่นใบขรุขระเล็กน้อย มีขนนุ่มปก คลุมสีเขียวเข้ม ขนาดใบย่อยกว้าง2-4 ซม. ยาว 3-6 ซม
ดอก ดอกเกิดเป็นช่อบนลำต้นระหว่างข้อ
ดอกมีกลีบเลี้ยงสีเขียว 5-10 กลีบ มีกลีบดอก 5กลีบ สีเหลือง
รูปร่างคล้ายหอกเชื่อมติดกันที่โคน เมื่อดอกบานกลีบเลี้ยงและกลีบดอกจะโค้งออก กลีบเลี้ยงตอนแรกจะสั้นกว่ากลีบดอก
แต่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อผลแก่มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ประกอบด้วยอับเรณูใหญ่และก้านอับเรณูสั้น อยู่รอบเกสรตัวเมีย
ผล เป็นผลเดี่ยว
รูปทรงของรูปผลมีตั้งกลมจนถึงรี มีขนาดรูปร่างและสีต่างกัน ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 3เซนติเมตร จนถึงใหญ่ประมาณ 10 เซนติเมตร
รูปร่างมีทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิวนอกลีบเป็นมัน สีของผลจะขึ้นอยู่กับเม็ดสี 2 ชนิด คือ ไลโคปีน(Lycopene) ซึ่งทำให้เกิดสีแดงและแคโรทีน(Carotene) ทำให้เกิดสีเหลืองแดง ส้ม
และสีน้ำตาลอ่อน เนื้อภายในฉ่ำด้วยน้ำมีรสเปรี้ยว ภายในมีเมล็ดเรียง
ตัวเป็นช่อง ๆ และมีเมือกวุ้นห่อหุ้มเมล็ด
เมล็ด รูปค่อนข้างกลมแบนสีน้ำตาลอ่อน
ขนาด 0.2-0.5 ซม. มีขนสั้น ๆ
โดยรอบมีเป็นจำนวนมาก มะเขือเทศมีหลายพันธ์ เช่นพันธุ์สีดา พันธุ์โรมา เรด เพียร์
เป็นต้น
ราก มะเขือเทศมีระบบรากเป็นแบบรากแก้ว
มีรากแขนงเจริญไปตามแนวนอนไปได้ไกลถึง 60 เซนติเมตร
และสามารถเจริญในแนวดิ่งได้ลึกประมาณ 100-120 เซนติเมตร
อีกทั้งยังสามารถเกิดรากได้ทั่วๆไปตามลำต้นที่สัมผัสกับผิวดิน
ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของมะเขือเทศ
ประโยชน์
1. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส
ไม่แห้งกร้าน
2. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย
3. น้ำมะเขือเทศช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
4. ช่วยเสริมคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
5. มีวิตามินเอซึ่งมีส่วนชวยบำรุงสายตา
6. มะเขือเทศ มีบีตาแคโรทีน และฟอสฟอรัสในปริมาณมาก
7. มะเขือเทศช่วยในการรักษาสิว
ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้า หรือฝานบางๆแล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
8. ช่วยทำให้ผิวหน้าเต่งตึงสดใส
ด้วยการนำน้ำมะเขือเทศมาพอกผิวหน้า หรือฝานบางๆแล้วนำมาแปะหน้าก็ได้
9. มะเขือเทศใช้นำมาทำเป็นน้ำผลไม้
โดยน้ำผลไม้ที่ขึ้นชื่อก็คือ น้ํามะเขือเทศดอยคํา
10. เป็นที่นิยมนำมาทำเป็นอาหารได้หลายเมนู
เช่น ข้าวผัด ซุป ยำต่างๆ เป็นต้น
11. ช่วยใหร่างกายสามารถต่อสู้กับโรคหอบหืดได้มากถึง
45%
12. ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม
หริออัลไซเมอร์
13. ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด
เลือดออกตามไรฟัน
14. ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
15. มะเขือเทศมีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ
16. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
17. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
18. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเส้นเลือดตีบ
การเกิดโรคหัวใจวาย สำหรับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
19. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
20. ช่วยในระบบย่อยในกระเพาะอาหารและช่วยในการขับถ่ายอุจจาระได้สะดวก
21. ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา
หรือเชื้อราที่ปาก
22. ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็งลำไส้
23. ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชายได้ถึง
45% หากรับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ
24. ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งรังไข่
ในเพศหญิง
25. ซอสมะเขือเทศหมักผม
ด้วยการใช้มะเขือเทศหมักผมจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนไปของสีผม
อันเนื่องมาจากการว่ายในน้ำในสระที่มีคลอรีน
26. ซอสมะเขือเทศนำมาใช้ขัดเครื่องประดับเงินชิ้นโปรดของคุณให้เงางามเหมือนเดิมได้
ด้วยนำซอสมะเขือเทศมาถูแล้วล้างน้ำออก
27. ซอสมะเขือเทศช่วยในการดับกลิ่นคาว
เศษอาหาร กลิ่นปลาสลิดได้เหมือนกันนะ เพียงแค่เปิดฝาซอสทิ้งไว้ 1 คืนเท่านั้น
28. ซอสมะเขือเทศช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหลังจากการหกล้ม
หรือถูดมีดบาดได้
ข้อควรสังเกต/ข้อควรระวัง
1. น้ำจากผลมะเขือเทศสุกมีสารไลโคเปอร์ซิซิน
(Lycopersicin) ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย
2. ใบมีฤทธิ์ฆ่าแมลง
โดยชงกับน้ำร้อนใช้กำจัดหนอนและแมลง ที่มากินผักได้
3. มะกรูด
ชื่อสามัญ
:
Porcupine Orange, Kiffir Lime, Leech Lime
ชื่อวิทยาศาสตร์
: Citrus
hystrix DC.
วงศ์ : Rutaceae
ชื่อท้องถิ่น
:
มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ) มะหูด (หนองคาย) ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้)
โกรยเซียด (เขมร) มะขู (กะเหรี่ยง – แม่ฮ่องสอน)
สารสำคัญ
ในใบและผลมะกรูด
เมื่อนำมากลั่นด้วยไอน้ำจะให้น้ำมันหอม ระเหยในปริมาณ 0.08
% และ4 % ตามลำดับ
น้ำมันหอมระเหยจากผิวมะกรูดมักประกอบด้วยเบต้า-ไพนีน, ไลโมนีนและซาบินีน
เป็นสารหลัก ส่วนน้ำมันหอมระเหยจากใบจะประกอบด้วย ซีโทรเนลลาล,ไอโซพูลิโกล และไลนาลูออล เป็นสารหลัก ส่วนในน้ำมะกรูดมีกรดซิตริก
ไวตามินซี และกรดอินทรีย์ชนิดอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบ
วิธีการปลูก
ควรปลูกด้วยกิ่งตอน
ก่อนจะปลูกควรนำปุ๋ยคอกมาใส่ผสมกับดิน เพื่อให้ดินมีอาหารอุดมสมบูรณ์ดี
หลุมที่ปลูกมีขนาดกว้าง x ยาว x ลึกประมาณ80เซนติเมตรก่อนที่จะวางพืชลงปลูกในหลุมควรหาใบไม้ใบหญ้าแห้งที่เน่าเปื่อยผุพังใส่รองก้นหลุมระยะปลูกประมาณ
5 x 5เมตร
การปฏิบัติดูแลรักษา
การให้น้ำ
ในระยะที่ปลูกมะกรูดใหม่ ๆ ต้องหมั่นรดน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่พืช
จะทำให้พืชตั้งตัวได้เร็ว แตกใบอ่อนกิ่งอ่อนดี
การใส่ปุ๋ย
ควรใส่ปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหารให้พืชเป็นครั้งคราว
ซึ่งอาจเป็นปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และปุ๋ยชีวภาพก็ได้
ปกติจะรับประทานใบมะกรูดเป็นอาหารจึงมักใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เช่น 20-14-14
หรือใส่ปุ๋ยพื้น เช่น 15-15-15
การป้องกันกำจัดศัตรูพืช
จะมีหนอนของผีเสื้อกลางคืนกัดกินใบมะกรูดและยอดอ่อน
จึงควรตรวจตราจับหนอนดังกล่าวในเวลาเช้าแล้วทำลายทิ้งเสีย
มะกรูดเป็นสมุนไพรที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะนำมาใช้ในการทำอาหาร ช่วยบำรุงสุขภาพเสริมความงาม หรือแม้แต่นำมาปลูกเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้มะกรูดยังมีประโยชน์และสรรพคุณดี ๆ อีกมากมายที่ไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักกับเจ้าพืชสมุนไพรผิวขุรขระชนิดนี้กันให้ดีขึ้นกว่าเดิมดีกว่าค่ะ พร้อมแล้วไปดูกันเลย
มะกรูดเป็นสมุนไพรที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะนำมาใช้ในการทำอาหาร ช่วยบำรุงสุขภาพเสริมความงาม หรือแม้แต่นำมาปลูกเพื่อเป็นสิริมงคล นอกจากนี้มะกรูดยังมีประโยชน์และสรรพคุณดี ๆ อีกมากมายที่ไม่ควรมองข้าม เรามาทำความรู้จักกับเจ้าพืชสมุนไพรผิวขุรขระชนิดนี้กันให้ดีขึ้นกว่าเดิมดีกว่าค่ะ พร้อมแล้วไปดูกันเลย
มะกรูด หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Kaffir lime,
Leech lime, Mauritius papeda มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus x
hystrix L. นอกจากนี้ในประเทศไทยยังมีชื่ออีกหลากหลายชื่อ อาทิเช่น
มะขู (แม่ฮ่องสอน), มะขุน มะขูด (ภาคเหนือ), ส้มกรูด ส้มมั่วผี (ภาคใต้) เป็นต้น เป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูล ส้ม (Citrus)
โดยมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ลาว มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
ลักษณะของมะกรูดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เนื้อไม้แข็ง
ลำต้นและกิ่งมีหนามยาวเล็กน้อย ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบย่อย 1 ใบ เรียงสลับ รูปไข่ คือมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ
ต่อกันอยู่ คอดกิ่วที่กลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ
ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน กว้าง 2.5-4 เซนติเมตร
ยาว 4-7 เซ๋นติเมตร ใบสีเขียวแก่พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง
เป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ซึ่งผลแบบนี้เรียกว่า
ผลแบบส้ม (hesperitium) ใบด้านบนสีเข้ม ใต้ใบสีอ่อน ดอกออกเป็นกระจุก
3 – 5 ดอก กลีบดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ร่วงง่าย มีกลิ่นหอม
มีผลสีเขียวเข้มคล้ายมะนาวผิวเปลือกนอกขรุขระ ขั้วหัวท้ายของผลเป็นจุก
ผลอ่อนมีเป็นสีเขียวแก่ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด พันธุ์ที่มีผลเล็ก
ผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไม่มีจุกที่ขั้ว ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ๆ
สรรพคุณมะกรูด
กับคุณประโยชน์ทางยาที่ไม่ควรมองข้าม
มะกรูดเป็นพืชสมุนไพรโบราณที่มีคุณประโยชน์ทางยามากมาย
โดยสามารถนำส่วนต่าง ๆ มาใช้รักษาอาการต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
มะกรูดมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงมีส่วนช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายและต้านทานโรคหลายชนิดรวมทั้งมะเร็งบางชนิดด้วย นอกจากนี้มะกรูดยังมีฤทธิ์ในการช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
อย่างเช่นเชื้ออีโคไล (E.coli) และซาลโมเนลลา
(Salmonella) ได้ ช่วยบำรุงประจำเดือน ขับระดู และมักเป็นส่วนผสมสำคัญในยาสตรีต่าง
ๆ อีกด้วย ไม่เพียงแค่นั้น ส่วนต่าง ๆ
ของมะกรูดยังมีประโยชน์อีกมากมายไปดูกันเลยค่ะ
รากมะกรูด
รากของมะกรูดมีรสจืดเย็น
สามารถช่วยแก้อาการไข้ ถอนพิษสำแดง แก้ลมจุกเสียด กระทุ้งพิษไข้ แก้พิษฝีภายใน
และช่วยอาการเสมหะเป็นพิษ
ผิวมะกรูด
1.
ผิวของมะกรูดสามารถช่วยแก้อาหารนอนไม่หลับได้
โดยนำผิวของมะกรูดบดรวมกับรากชะเอม ไพล เฉียงพร้า ขมิ้นอ้อยแล้วนำมาต้มน้ำดื่ม
2.
เป็นยาบำรุงหัวใจ โดนนำผิวมะกรูดฝานสดประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ
มาผสมกับพิมเสนหรือการบูรชงในน้ำเดือดแล้วแช่ทิ้งไว้ จากนั้นนำมาดื่ม
3.
ช่วยแก้อาการเป็นลม หน้ามืด วิงเวียนศีรษะ โดยนำเปลือกมะกรูดฝานบาง
ๆ ชงกับน้ำเดือดแล้วเติมการบูรเล็กน้อย นำมาดื่มเพื่อแก้อาการ
4.
ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการจุกเสียด ท้องอืด แน่นท้องได้
5.
ช่วยขับสารพิษที่อยู่ในร่างกายให้ออกมาทางผิวหนังโดยการนำผิวมะกรูดมาใช้เป็นส่วนประกอบในการอบซาวน่าสมุนไพร
ใบมะกรูด
1.
ช่วยแก้ไอ แก้อาการอาเจียนเป็นเลือด
2.
ช่วยแก้อาการช้ำใน
3.
ใบมะกรูดอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนซึ่งช่วยในการชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งและช่วยต่อต้านมะเร็งได้
ผลมะกรูด
1.
ช่วยแก้อาการไอ ขับเสมหะ โดยการนำมะกรูดผ่าครึ่งและนำไปลนไฟให้นิ่ม
แล้วค่อย ๆ บีบน้ำมะกรูดลงคอทีละนิดจะช่วยทำให้อาการบรรเทาลงได้
2.
ช่วยฟอกโลหิต โดยนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ซีกแล้วนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้งประมาณ
1 เดือน แล้วรินเอาแต่น้ำดื่ม
3.
ช่วยแก้อาการปวดท้อง หรือใช้เป็นยาแก้ปวดท้องในเด็กอ่อน
โดยการนำผลมะกรูดมาคว้านไส้กลางออก นำมหาหิงคุ์ใส่และปิดจุก
แล้วนำไปเผาไฟจนดำเกรียมและบดจนเป็นผงละลายกับน้ำผึ้งไว้รับประทานแก้อาการปวดได้
4.
ช่วยขับระดู ขับลม
โดยผลมะกรูดนำมาดองทำเป็นยาดองเปรี้ยวไว้รับประทาน
5.
ช่วยแก้อาการน้ำลายเหนียว
6.
แก้เถาดานในท้อง
7.
แก้ระดูเสีย ขับระดู
8.
ช่วยขับลมในลำไส้
นอกจากนี้น้ำจากผลมะกรูดยังสามารถใช้แก้อาการเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
โดยใช้น้ำมะกรูดถูบาง ๆ
บริเวณเหงือกหลังแปลงฟันเสร็จจะช่วยทำให้อาการเลือดออกตามไรฟันบรรเทาลงได้
ประโยชน์ของมะกรูด
สมุนไพรสารพัดประโยชน์
มะกรูดเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน
ถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารคาวหวานต่าง ๆ และยังนำมาใช้ในพระราชพิธีสำคัญอย่างเช่น
พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่งระบุไว้ว่าจะต้องมีผลมะกรูดและใบส้มป่อยในการประกอบพิธี
น้ำของมะกรูดก็สามารถนำมาใช้แทน หรือน้ำมาผสมกับน้ำมะนาวเพื่อใช้ปรุงอาหารได้อีกด้วย
โดยน้ำมะกรูดนั้นจะมีรสเปรี้ยวกลมกล่อมและมีกลิ่นของน้ำมันหอมระเหยเพิ่มขึ้นอีกด้วยค่ะ
มะกรูด
มีโทษหรือไม่
ถึงแม้มะกรูดจะเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์แต่ถ้าหากใช้น้ำมันมะกรูดสัมผัสกับผิวโดยตรง
เมื่อไปถูกแสงแดดก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้แสงแดดจนกลายเป็นแผลไหม้ได้ เพราะในน้ำมะกรูดมีสารออกซิเพดามิน (oxypedamin)
ซึ่งจะทำให้เกิดอาการแพ้เมื่อโดนแสงแดด (photo toxicity) และสารดีไลโมนีน d-limonene ซึ่งเมื่อโดนอากาศเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ระคายเคืองได้
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย หากนำน้ำมะกรูดมาสัมผัสกับผิวแล้วล่ะก็
ภายในสี่ชั่วโมงไม่ควรให้บริเวณที่โดนน้ำมะกรูดถูกแสงแดดค่ะ
4. มะขาม
ชื่อสมุนไพร
มะขาม
ชื่อวิทยาศาสตร์ Tamarindus indica L.
ชื่อวงศ์
LEGUMINOSAE (FABACEAE) – CAESALPINIOIDEAE
ชื่อพ้อง ไม่มี
ชื่ออังกฤษ Indian
date, Tamarind
ชื่อท้องถิ่น
ตะลูบ, ม่องโคล้ง, มอดแล,
ส่ามอเกล, หมากแกง, อำเปียล
มะขาม ผลไม้เขตร้อน มะขาม ภาษาอังกฤษ
คือTamarind ส่วนมะขามชื่อวิทยา
ศาสตร์จะใช้คำว่า Tamarindus
indica Linn. มะขาม มีต้นดำเนิดในทวีฟแอฟริกา
ต่อมามีการนำเข้ามาปลูกในแถบเอเชียรวมทั้งไทยด้วย โดยยังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเพชรบูรณ์เมืองมะขามหวานด้วย
และตามตำราพรหมชาติ ถือว่ามะขามเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง ที่ช่วยป้องกันสิ่งเลวร้าย
ผีร้ายต่างๆไม่ให้มากล้ำกลาย อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่มีชื่อมลคล
ถือกันเป็นเคล็ดทำให้มีคนเกรงขาม
สำหรับประโยชน์ของมะขามและสรรพคุณมะขามนั้นมีมากมาย
และจัดว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและยังมีสรรพคุณใช้เป็นยารักษาโรคอีกด้วย
โดยในส่วนที่นำมาใช้เป็นยาจะเป็นเนื้อฝักแก่(มะขามเปียก)
เปลือกของลำต้น(ทั้งสดและแห้ง) และเนื้อในเมล็ด โดยสามารถช่วยรักษาได้หลายโรค เช่น
เป็นยาขับเสมหะ แก้อาการท้องเดิน บรรเทาอาการท้องผูก ใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ เป็นต้น
ลักษณะเฉพาะ
มะขามเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามากไม่มีหนาม
เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้ำตาลอ่อน
ใบ เป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่ ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน
ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ด้วยใบย่อย 10–15 คู่
แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก
ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก
ผล เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม.
ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก
เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้ำตาล
เนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ
จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน
และมีสีน้ำตาล
ใบของมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก
(pinnately
compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง คล้ายขนนก ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก
แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบ อัญชัน ก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี
2
ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขาม
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
1.
ฤทธิ์ขับพยาธิ-ส่วนเมล็ด เมล็ดมะขามมีฤทธิ์ฆ่าตัวอ่อนของพยาธิตัวกลม
2.
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย-ส่วนเนื้อมะขาม
สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในหลอดทดลองที่เป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง
ได้แก่ Bacillus subtilis, Escherichia coli และ Salmonella typhi แต่สารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม
และสารสกัดด้วยน้ำ มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อดังกล่าวอย่างอ่อน
3.
ฤทธิ์ระบาย-ส่วนเนื้อมะขาม เมื่อให้หนูแรทกินสารสกัดด้วยน้ำจากฝักมะขาม
พบว่ามีการบีบตัวของลำไส้เล็กเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
การปลูกมะขาม
นิยมขยายพันธุ์โดยการทาบกิ่ง ติดตาหรือต่อกิ่ง เพราะได้ผลเร็วและลดการกลายพันธุ์
ทำได้โดยเตรียมดินโดยขุดหลุมกว้าง ยาวและลึกด้านละ 60 ซม.
ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักคลุกเคล้าดินรองก้นหลุมเอากิ่งพันธุ์ลงปลูก รดน้ำให้ชุ่ม
มะขามเมื่อลงดินแล้วจะโตเร็ว ควรใช้ไม้หลักพยุงไว้ให้แน่น
และการบำรุงรักษาหลังเริ่มปลูก ควรเอาใจใส่ดายหญ้ารอบต้น
และรดน้ำทุกวัน ขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิดแม้แต่ดินเลว เช่นดินลูกรัง
เจริญได้ดีในดินร่วนปนดินเหนียว ทนแล้งได้ดี ฤดูปลูกที่เหมาะสม คือต้นฤดูฝน
ควรหาเศษหญ้าฟางคลุมโคนจนกว่าต้นจะแข็งแรง ควรฉีดยาป้องกันโรคราแป้งและแมลงพวกหนอนเจาะฝัก
ด้วงเจาะเมล็ด ในระยะที่เป็นดอกอยู่
มะขามยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
อย่างวิตามินซี วิตามินบี2
วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก โปรตีน คาร์โบไฮเดรต
เป็นต้น โดยมะขามที่แก่จัดนั้นเราจะเรียกว่า “มะขามเปียก” โดยมะขามหวาน 100 กรัม จะมีแคลอรี่เท่ากับ 314
แคลอรี่
ประโยชน์ของมะขาม
1. มะขาม
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
2. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสด้วยวิตามินซีจากมะขาม
3. ช่วยในการชะลอวัย
และการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
4. แคลเซียมจากมะขามจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
5. มะขามมีธาตุเหล็ก
ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
6. ใช้ในการทำทรีทเม้นท์
ด้วยการจำมาขัดตามซอกขาหนีบ รักแร้ ข้อพับ ซึ่งจะช่วยลดรอยคล้ำลงได้
7. นำมะขามเปียกไปแช่น้ำ
ลอกเอาใยออก นำมามะขามมาถูตัวเบาๆ ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื่นตลอดทั้งวัน
และช่วยกำจัดแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
8. มะขามเปียกและดินสอพองผสมจนเข้ากัน
นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20
นาทีแล้วล้างออก จะช่วยให้ผิวหน้าดูกระชับสดใสและสะอาดยิ่งขึ้น
9. มะขามเปียกผสมกับน้ำอุ่นและนมสด
ใช้พอกผิว ช่วยให้ผิวหนังที่มีรอยดำคล้ำกลับมาขาวสดใสนุ่มนวลยิ่งขึ้น
10. นำมาใช้เป็นส่วนผสมหรือใช้ทำเป็นกรดผลไม้
(AHA)
11. สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ
ให้นำเนื้อมะขามมาขัดถูฟันเป็นประจำทุกครั้งที่แปรงฟัน
จะช่วยขจัดคราบสกปรกบริเวณฟันลงได้
12. สามารถนำมาใช้ทำยานวดผม
ซึ่งช่วยรักษารากผม ฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ และช่วยฆ่าเหาได้อีกด้วย
ด้วยการนำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำแล้วใช้มือคั้นเนื้อมะขามเพื่อให้ละลายออกผสมกับน้ำ
น้ำที่ได้นั้นจะมีลักษณะเหลว (ไม่ควรเหลวมาก)
แล้วนำมานวดศีรษะหลังจากที่สระผมเสร็จแล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีแล้วล้างออก
13. ใช้ทำเป็นน้ำยาอาบน้ำ
ด้วยการนำใบมะขามมาจำนวนหนึ่ง ใส่ใบมะขามลงในน้ำเดือดแล้วปิดฝา แล้วเคี่ยวประมาณ 30 นาที จากนั้นนำลงจากเตาปล่อยให้เย็นแล้วนำมาอาบ จะช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้น
รักษาผดผื่นคันตามร่างกายและเชื่อบนผิวหนังได้
14. การแปรรูปมะขามสามารถนำมาแปรรูปได้หลายชนิด
เช่น มะขามแก้ว มะขามกวน มะขามอบไร้เมล็ด มะขามบ๊วย มะขามแช่อิ่ม มะขามคลุก
มะขามจี๊ดจ๊าด เป็นต้น
15. ช่วยป้องกันการเกิดและช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
16. มะขามมีวิตามินเอที่มีส่วนช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา
17. ช่วยลดความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี
18. แก้อาการท้องผูก
ด้วยการใช้เนื้อมะขามเปียกประมาณ 15 ฝัก
นำมาจิ้มกับเกลือแล้วรับประทาน หรือใส่เกลือเติมน้ำแล้วคั้นเป็นน้ำดื่ม
19. แก้อาการท้องเดิน
ด้วยการใช้เปลือกต้นประมาณ 2 กำมือ นำมาต้มกับน้ำปูนใสหรือน้ำ
แล้วนำมารับประทาน
20. ช่วยถ่ายพยาธิตัวกลมในลำไส้
พยาธิไส้เดือน ด้วยการใช้เมล็ดมะขามมาคั่วกระเทาะเปลือกออก
นำเนื้อในเมล็ดมาแช่น้ำเกลือจนนิ่ม แล้วรับประทานครั้งละ 20 เม็ด
21. ช่วยแก้อาการขับเสมหะ
ละลายเสมหะ ด้วยการนำมะขามเปียกมาจิ้มเกลือ แล้วรับประทาน
22. มะขามอุดมไปด้วยกรดอินทรีย์
ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยชำระล้างความสกปรกในรูขุมขนและขจัดคราบมันบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
23. รากมะขามมีส่วนช่วยแก้อาการท้องร่วง
24. รากมะขามช่วยในการสมานแผล
25. รากมะขามช่วยในการรักษาโรคเริม
26. รากมะขามช่วยในการรักษาโรคงูสวั
27. เปลือกลำต้นมะขาม
ช่วยแก้ไขตัวร้อน
28. แก่นของต้นมะขาม
ช่วยรักษาฝีในมดลูก
29. แก่นของต้นมะขาม
ช่วยในการขับโลหิต
30. แก่นมะขามมีส่วนช่วยเป็นยาชักมดลูกให้เข้าอู่
31. ใบสดมะขาม
ใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย ขับลมในลำไส้
32. ใบสดมะขาม
ช่วยรักษาหวัด อาการไอ
33. ใบสดมะขามมีส่วนช่วยในการรักษาโรคบิด
34. ใบสดมะขาม
มีคุณสมบัติใช้เป็นยาหยอดตารักษาเยื่อตาอักเสบ แก้อาการตามัว
35. ใบสดมะขาม
มีคุณสมบัติในการช่วยฟอกโลหิต
36. ใบสดนำมาต้มผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆใช้อาบหลังคลอด
37. เนื้อหุ้มเมล็ดของมะขาม
ใช้เป็นยาสวยล้างท้อง
38. ฝักดิบของมะขาม
ใช้ในการฟอกโลหิจ
39. ฝักดิบของมะขามใช้ในการลดความอ้วน
เป็นยาระบายลดอุณหภูมิในร่างกาย
40. เปลือกมะขามช่วยรักษาแผลสด
แผลไฟลวก แผลเบาหวาน ถอนพิษ
41. เปลือกเมล็ดมะขาม
ช่วยสมานแผลที่ช่องปาก คอ ลิ้น และตามร่างกาย
42. ดอกสดของมะขาม
ใช้เป็นยาลดความดันโลหิตสูง
3.2
สารที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
1.
แอลกอฮอล์
ในทางเคมี แอลกอฮอล์ (อังกฤษ: alcohol) คือสารประกอบอินทรีย์ ที่มีหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) ต่อกับอะตอมคาร์บอนของหมู่แอลคิลหรือหมู่ที่แทนแอลคิล
สูตรทั่วไปของแอลกอฮอล์แบบอะลิฟาติกไฮโดรคาร์บอน (สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เป็นสายตรง) คือ CnH2n+1OH
โดยทั่วไป แอลกอฮอล์ มักจะอ้างถึงเอทานอลเกือบจะเพียงอย่างเดียว
หรือเรียกอีกอย่างว่า grain alcohol ซึ่งเป็นของเหลวที่ไม่มีสี
ไม่มีกลิ่น และสามารถระเหยได้ ซึ่งเกิดจากการหมักน้ำตาล
นอกจากนี้ยังสามารถใช้อ้างถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นที่มาของคำว่าแอลกอฮอลิซึ่ม (alcoholism—โรคพิษสุราเรื้อรัง)
เอทานอลเป็นยาเสพติดที่มีฤทธิ์กดประสาท ที่ลดการตอบสนองของระบบประสาทส่วนกลาง แอลกอฮอล์ชนิดอื่น
ๆ จะอธิบายด้วยคำวิเศษณ์เพิ่มเติม เช่น isopropyl
alcohol (ไอโซโพรพิล แอลกอฮอล์)
อันตรายจากแอลกอฮอล์
1. เอทิลแอลกอฮอล์
เป็นแอลกอฮอล์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์ได้ เช่น ผสมในยารับประทาน
ผสมในสุราหรือเครื่องดื่มประเภทของมึนเมาหรือใช้ทาภายนอกร่างกาย เช่น ล้างแผล
ผ้าเย็น กระดาษเช็ดหน้า สเปรย์ เป็นต้น
2. เมทิลแอลกอฮอล์
เป็นแอลกอฮอล์ชนิดมีพิษ ใช้สำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆเช่น
ใช้เป็นเชื้อเพลิงจุดให้แสงสว่าง หรือปนกับทินเนอร์ สำหรับผสมแลคเกอร์
แต่ห้ามใช้กับร่างกาย
3. ไม่ควรนำเอาแอลกอฮอล์ทั้ง
2
ชนิด มาใช้แทนกัน เพราะจะทำให้ผู้บริโภคได้รับอันตรายได้ เนื่องจากเมทิลแอลกอฮอล์หากนำมาใช้ล้างแผล
แอลกอฮอล์จะซึมเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้ผู้ดื่มตาบอดหรือถึงตายได้
4. ถึงแม้ว่าทางราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะควบคุม
และตักเตือนผู้ผลิตและผู้ขายให้ระมัดระวังการนำเมทิลแอลกอฮอล์มาใช้ไม่ให้ผิดจากคุณลักษณะประจำของตัวมันแล้ว
แต่ยังมีการใช้หรือขายผิดประเภทอยู่บ้าง
2. น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชู (อังกฤษ: Vinegar) เป็นของเหลวที่ได้จากกระบวนการหมัก
มีองค์ประกอบหลักคือกรดน้ำส้ม (กรดน้ำส้ม) น้ำส้มสายชูทั่วไปมีความเข้มข้นของกรดตั้งแต่ 4% ถึง
8% โดยปริมาณ[1]และอาจสูงถึง
18%
สำหรับ pickling. น้ำส้มสายชูหมักโดยธรรมชาติยังมีกรดชนิดอื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย เช่น tartaric acid และ citric acid มนุษย์รู้จักการผลิตและใช้น้ำส้มสายชูมาตั้งแต่สมัยโบราณ
น้ำส้มสายชูเป็นองค์ประกอบสำคัญของอาหารยุโรป อาหารเอเชีย และตำหรับอาหารอื่นๆ
ชนิดของน้ำส้มสายชู
เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติเป็นกรดมีรสเปรี้ยว
ปัจจุบัน จึงปรากฏว่าได้มีการนำกรดอย่างอื่น เช่น กรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟุริค (Sulphuric
Acid) และ กรดเกลือ (Hydrochloric Acid) มาละลายน้ำปนปลอมเป็นนํ้าส้มสายชู
ตลอดจนกรรมวิธีการผลิตที่ต้องใช้กรดกำมะถันเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาซึ่งอาจตกค้างอยู่
กรดเหล่านี้เป็นกรดอนินทรีย์หรือเรียกว่ากรดแร่ (Mineral Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นกรดอย่างแรง เมื่อบริโภคเข้าไปจะเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้
เรื่องนี้ได้เคยปรากฏแล้วในอดีต ดังนั้นเพื่อป้องกันการปนปลอมดังกล่าว
กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ประกาศให้น้ำส้มสายชูเป็นอาหารที่ต้องควบคุม
ทั้งได้ประกาศกำหนดคุณภาพ และมาตรฐานของน้ำส้มสายชู
ผู้ที่ประสงค์จะผลิตเพื่อจำหน่ายน้ำส้มสายชูจะต้องขออนุญาตแล้วจะต้องทำการผลิตน้ำส้มสายชูให้มีคุณภาพอย่างน้อยไม่ตํ่ากว่ามาตรฐานที่กำหนดในประกาศ
ฯ ดังนั้นถ้าเราจะแบ่งชนิดของน้ำส้มสายชู ก็จะแบ่งได้เป็น 3 ชนิด
คือ
1. น้ำส้มสายชูแท้
ได้แก่
1.1 น้ำส้มสายชูหมัก (wine Vinegar)
1.2 น้ำส้มสายชูกลั่น (Distilled Vinegar)
2. น้ำส้มสายชูเทียม
3. น้ำส้มสายชูปลอม
1.1 น้ำส้มสายชูหมัก (wine Vinegar)
1.2 น้ำส้มสายชูกลั่น (Distilled Vinegar)
2. น้ำส้มสายชูเทียม
3. น้ำส้มสายชูปลอม
ประโยชน์
1. ยามไปเที่ยวทะเล เจอแมงกะพรุนไฟเข้า
ราดน้ำส้มตรงบริเวณที่ถูกแมงกะพรุนทันที จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ทันใจ
2. ผิวที่เจอแดดจัดๆจนเป็นรอยเกรียมลูบด้วยน้ำส้มสายชู ผิวที่ไหม้จะไม่พองให้ปวดแสบ
3. ใช้น้ำส้มสายชูดองเปรี้ยวผักต่างๆ เช่น ต้นหอม ผักเสี้ยน กระเทียม ขิง จะถนอมอาหาร
4. รองเท้าหนัง รองเท้ายาง หรือสารสังเคราะห์ใดๆ ก็ตาม หากเปื้อนน้ำมันให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูแล้วจะหมดรอย
5. กระจกบานเกล็ดสกปรก ล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดรับรองเงางาม สะอาด ใส
6. หม้ออะลูมิเนียมเป็นคราบดำ น้ำส้มสายชูละลายขี้เถ้าใต้เตาถ่าน ขัดถูสะอาดเอี่ยม
7. ภาชนะทองแดง ทองเหลือง ขัดด้วยน้ำส้มผสมเกลือในอัตราส่วนเท่ากัน ใช้ผ้านุ่มจุ่ม
พอหมาดเช็ดถูจะแวววาวขึ้น
8. ของใช้พลาสติก ตลอดจนภาชนะอื่นๆในครัวเปื้อนไขมันมากจนเป็นรอยดำ ให้แช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชู รอยเปื้อนจะหายไปพร้อมกับกลิ่นอาหาร
9. ปัญหาของเตาอบ ถาดอบ เครื่องครัวแสตนเลสและพื้นครัว เป็นคราบสกปรกล้างยาก ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดถู คราบฝังแน่นกับเศษอาหารตามพื้นจะหลุดง่าย ไม่เปลืองแรงขัด
10. เฟอร์นิจอร์ ฝาผนังบ้านด่างดำ มีคราบนิ้วมือของสมาชิกตัวเล็ก ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำส้มสายชูร้อนๆ เช็ดปุ๊ปหายปั๊ป
11. อ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ ราวโครเมียมสกปรก เป็นสนิม น้ำส้มสายชูกับน้ำสบู่ เช็ดถู ทุกอย่างเงางามสะอาดตา
12. รอยเปื้อนเสื้อผ้าบริเวณรักแร้ที่เป็นคราบเหลือง ใช้น้ำส้มสายชูทาตรงรอยเปื้อนให้ชุ่ม หากได้แช่เสื้อผ้าในน้ำส้มสายชูสักครู่ก่อนซักตามปกติ กลิ่นเปรี้ยวและเหม็นอับจากเหงื่อจะหายไปพร้อมรอยเปื้อน
13. กลิ่นอาหาร กลิ่นผลไม้แรงๆอย่างทุเรียนที่ติดตามภาชนะพลาสติกนั้น ให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูตามด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
14. ท่อระบายน้ำภายในอาคารบ้านเรือนที่มักสกปรกเร็ว ตามด้วยกลิ่นเหม็นรุนแรงรบกวนความสุข ให้เทผงฟูลงท่อน้ำร่องไปก่อน 1 กำมือ สักครู่ตามด้วยน้ำส้มสายชูอีก 1 ถ้วย ทิ้งไว้สักพัก ลองเปิดน้ำระบายดู
15. เนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อควาย ถ้าแช่น้ำเกลือผสมน้ำส้มสายชูก่อนเก็บเข้าตู้เย็น กลิ่นคาวจะไม่ออกมารบกวนอาหารอื่นๆด้วย
16. ฝักบัวในห้องน้ำเกิดอุดตันใช้ไม่สะดวก น้ำที่ไหลกะปริดกะปรอย ลองถอดชิ้นส่วนออกมาแช่น้ำส้มสายชูปัดเศษฝุ่นด้วยแปรง แทงตามรูด้วยเข็มหมุด ล้างให้สะอาดประกอบเข้าที่เดิม คราวนี้ฝักบัวไหลฉลุยแน่นอน
17. ขวด แจกัน คนโทที่ปากแคบคอดเล็ก ทำความสะอาดยาก กรอกน้ำส้มสายชู ผสมเปลือกไข่ทุบพอละเอียด แช่ไว้ แล้วเขย่าๆ เศษคราบสกปรกจะหลุดโดยง่าย
18. หม้อและกาต้มน้ำชากาแฟทั้งหลาย ใช้ไปนานๆ มักมีตะกรันหินปูนจับหนา ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละถ้วย เทลงในภาชนะ ต้มให้เดือด แล้วทิ้งให้เย็นค้างๆไว้ 1 คืน ตะกรันจะหลุดเป็นกระบิทีเดียว
19. สุภาพสตรีที่ต้องการม้วนผม เซ็ทผมให้อยู่ตัว หรือหยิกทนนาน โกรกผมด้วยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เมื่อสระและเซ็ทตามปกติ ผมจะหยิกเป็นลอนสลวย ทนนานสะใจหลายวัน
20. ไข่สดและใหม่มากเกินไป เวลาทำไข่ต้มมักมีปัญหาปอกเปลือกยาก ไข่เป็นรอยขรุขระ ไม่น่ารับประทาน ลองเติมน้ำส้มสายชูครึ่งช้อนชาลงในน้ำต้มไข่ ไข่ขาวจะไม่ติดเปลือก ปอกง่ายขึ้นกว่าเดิม
21. ต้มแปรงสีฟันขนแข็งๆ ในน้ำส้มสายชู ขนจะนุ่มไม่ทิ่มเหงือกให้เจ็บปากอีก
22. ปัญหาหินปูนจับตามเครื่องซักผ้า เครื่องล้างชาม แก้ด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย เทใส่เครื่องพร้อมปิดฝา เปิดเครื่องให้ทำงานตามปกติจะเห็นเครื่องสะอาดทันตา
หรือ วิธีรักษาเครื่องซักผ้า ให้ใช้น้ำอุ่นพอประมาณ ผสมน้ำสมสายชูสักครึ่งลิตรใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า เปิดสวิตซ์ทำงานปกติ น้ำส้มสายชูจะช่วยไล่คราบฝุ่นออกจากตัวเครื่อง และป้องกันการอุดตันได้ด้วย
23. อยากรับประทานผัดไทย หอยทอด ขนมจีน กับถั่วงอก อวบอ้วน ขาว กรอบละก็แช่ถั่วงอกลงในน้ำผสมน้ำส้มสายชูไว้สักครู่
24. ดอกกุหลาบช่อใหญ่ อยากให้สดอยู่นานๆ น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 5 กรัม ผสมน้ำสะอาด 5 ถ้วย ให้ฉีดพ่นกุหลาบทั้งช่อ
25. แก้ปัญหาก้นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่ใช้ไปนานๆ เกิดคราบดำผสมคราบไคลน้ำข้าวจับหนาเตอะ อย่าใช้ฝอยขัดหม้อขัด ให้ใช้น้ำส้มสายชูครึ่งส่วนผสมน้ำ 1 ส่วน เติมลงหม้อ เสียบปลั๊ก รอจนเดือดปุดๆ จึงถอดปลั๊ก เทน้ำทิ้ง ล้างด้วยฟองน้ำจะออกง่าย
26. หยดน้ำส้มสายชูลงบนแว่นตา เช็ดด้วยผ้านุ่ม รอยขีดข่วนจะหายไป พร้อมคราบเหงื่อไคล
27. เสื้อผ้าสีขาวสะอาด เมื่อใช้ไปนานๆ มักกลายเป็นสีขาวขุ่น เพียงผสมน้ำส้มสายชูขณะซัก จะทำให้ผ้าขาวสะอาดยิ่งขึ้น
28. ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดชำระล้างผมในน้ำครั้งสุดท้าย จะพบว่าช่วยล้างแชมพูได้สะอาดหมดจด เส้นผมเป็นเงางาม มีน้ำหนัก ปราศจากรังแคด้วย
29. แก้ปัญหาสีน้ำแห้งแข็ง ใช้น้ำส้มสายชูผสมทิ้งเอาไว้
สีน้ำที่แห้งแข็งก็จะอ่อนเหลว นำมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง
30. แก้ปัญหากะทะใหม่ ที่มักประสบปัญหาทอดอาหารแล้วติดกะทะ ก่อนนำกะทะมาใช้ให้เทน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเท่าๆ กันลงในกะทะและนำไปตั้งไฟรอจนเดือด แล้วเทน้ำส้มสายชูทิ้ง ใช้น้ำสะอาดล้างอีกที จากนั้นก็ใช้งานตามปกติ
31. ย่างปลาไม่ให้ติดตะแกรง นำน้ำส้มสายชูมาทาให้ทั่วตะแกรงก่อนย่างปลา เวลาปลาสุกจะไม่ติด และทำความสะอาดตะแกรงง่าย
32. ขจัดคาวปลาหมึก ใช้น้ำส้มสายชูแกว่งกับน้ำ นำปลาหมึกมาแช่ไว้ 5-10 นาที กลิ่นคาวปลาหมึกจะหมดไป
33. ก่อนจะลอกหนังปลาหมึกให้แช่ปลาหมึกในน้ำส้มสายชูสักครู่ จะลอกหนังง่ายขึ้น
34. ป้องกันไม่ให้หัวปลีดำ ต้องแช่หัวปลีลงในน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง
35. หุงข้าวสวยให้เป็นปุย ใส่น้ำมะนาว หรือ น้ำส้มสายชู ลงในหม้อข้าวขณะหุง เมื่อข้าวสุกจะไม่เหนียวติดกัน
36. ทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมัน เติมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำมันเล็กน้อย
37. ขจัดรอยจีบกระโปรง ใช้ฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชู ทาตรงรอยจีบให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าบางๆ ทาบรีดด้วยเตารีดอุ่นๆ รอยจีบกระโปรงหรือรอยเลาะตรงขากางเกงจะเรียบหายไปตามต้องการ
38. วิธีกำจัดมดในครัว ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดตรงทางเดินมด มดจะไม่เดินมาบริเวณที่เราเช็ดด้วยน้ำส้มสายชูไว้
39. ลวกลูกชิ้นปลาที่เก่าและเหม็นคาวให้อร่อย ลูกชิ้นปลาที่แช่ตู้เย็นไว้นานๆแล้วมีกลิ่นเหม็นคาว ให้ล้างด้วยน้ำผสมกับน้ำส้มสายชู จากนั้นจึงลวกลูกชิ้น แล้วค่อยนำไปประกอบอาหาร
40. รอยเปื้อนกาวบนเสื้อผ้า ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ
41. ใช้น้ำส้มสายชูผสมต้นโทงเทงสด หรือผักคราดหัวแหวนสดๆ คั้นเอาน้ำชุบสำลีอมไว้ข้างแก้ม ค่อยๆกลืนทีละนิด แก้ฝีในคอ หรือต่อมทอนซิลอักเสบได้ชะงักนักแล
42. แช่ผักชีสักก้านในน้ำส้มสายชู ดูว่าใบยังคงเขียวไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพื่อทดสอบว่าเป็นน้ำส้มสายชูแท้
2. ผิวที่เจอแดดจัดๆจนเป็นรอยเกรียมลูบด้วยน้ำส้มสายชู ผิวที่ไหม้จะไม่พองให้ปวดแสบ
3. ใช้น้ำส้มสายชูดองเปรี้ยวผักต่างๆ เช่น ต้นหอม ผักเสี้ยน กระเทียม ขิง จะถนอมอาหาร
4. รองเท้าหนัง รองเท้ายาง หรือสารสังเคราะห์ใดๆ ก็ตาม หากเปื้อนน้ำมันให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูแล้วจะหมดรอย
5. กระจกบานเกล็ดสกปรก ล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดรับรองเงางาม สะอาด ใส
6. หม้ออะลูมิเนียมเป็นคราบดำ น้ำส้มสายชูละลายขี้เถ้าใต้เตาถ่าน ขัดถูสะอาดเอี่ยม
7. ภาชนะทองแดง ทองเหลือง ขัดด้วยน้ำส้มผสมเกลือในอัตราส่วนเท่ากัน ใช้ผ้านุ่มจุ่ม
พอหมาดเช็ดถูจะแวววาวขึ้น
8. ของใช้พลาสติก ตลอดจนภาชนะอื่นๆในครัวเปื้อนไขมันมากจนเป็นรอยดำ ให้แช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชู รอยเปื้อนจะหายไปพร้อมกับกลิ่นอาหาร
9. ปัญหาของเตาอบ ถาดอบ เครื่องครัวแสตนเลสและพื้นครัว เป็นคราบสกปรกล้างยาก ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดถู คราบฝังแน่นกับเศษอาหารตามพื้นจะหลุดง่าย ไม่เปลืองแรงขัด
10. เฟอร์นิจอร์ ฝาผนังบ้านด่างดำ มีคราบนิ้วมือของสมาชิกตัวเล็ก ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำส้มสายชูร้อนๆ เช็ดปุ๊ปหายปั๊ป
11. อ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ ราวโครเมียมสกปรก เป็นสนิม น้ำส้มสายชูกับน้ำสบู่ เช็ดถู ทุกอย่างเงางามสะอาดตา
12. รอยเปื้อนเสื้อผ้าบริเวณรักแร้ที่เป็นคราบเหลือง ใช้น้ำส้มสายชูทาตรงรอยเปื้อนให้ชุ่ม หากได้แช่เสื้อผ้าในน้ำส้มสายชูสักครู่ก่อนซักตามปกติ กลิ่นเปรี้ยวและเหม็นอับจากเหงื่อจะหายไปพร้อมรอยเปื้อน
13. กลิ่นอาหาร กลิ่นผลไม้แรงๆอย่างทุเรียนที่ติดตามภาชนะพลาสติกนั้น ให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูตามด้วยน้ำสะอาดหลายๆครั้ง
14. ท่อระบายน้ำภายในอาคารบ้านเรือนที่มักสกปรกเร็ว ตามด้วยกลิ่นเหม็นรุนแรงรบกวนความสุข ให้เทผงฟูลงท่อน้ำร่องไปก่อน 1 กำมือ สักครู่ตามด้วยน้ำส้มสายชูอีก 1 ถ้วย ทิ้งไว้สักพัก ลองเปิดน้ำระบายดู
15. เนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อควาย ถ้าแช่น้ำเกลือผสมน้ำส้มสายชูก่อนเก็บเข้าตู้เย็น กลิ่นคาวจะไม่ออกมารบกวนอาหารอื่นๆด้วย
16. ฝักบัวในห้องน้ำเกิดอุดตันใช้ไม่สะดวก น้ำที่ไหลกะปริดกะปรอย ลองถอดชิ้นส่วนออกมาแช่น้ำส้มสายชูปัดเศษฝุ่นด้วยแปรง แทงตามรูด้วยเข็มหมุด ล้างให้สะอาดประกอบเข้าที่เดิม คราวนี้ฝักบัวไหลฉลุยแน่นอน
17. ขวด แจกัน คนโทที่ปากแคบคอดเล็ก ทำความสะอาดยาก กรอกน้ำส้มสายชู ผสมเปลือกไข่ทุบพอละเอียด แช่ไว้ แล้วเขย่าๆ เศษคราบสกปรกจะหลุดโดยง่าย
18. หม้อและกาต้มน้ำชากาแฟทั้งหลาย ใช้ไปนานๆ มักมีตะกรันหินปูนจับหนา ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละถ้วย เทลงในภาชนะ ต้มให้เดือด แล้วทิ้งให้เย็นค้างๆไว้ 1 คืน ตะกรันจะหลุดเป็นกระบิทีเดียว
19. สุภาพสตรีที่ต้องการม้วนผม เซ็ทผมให้อยู่ตัว หรือหยิกทนนาน โกรกผมด้วยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เมื่อสระและเซ็ทตามปกติ ผมจะหยิกเป็นลอนสลวย ทนนานสะใจหลายวัน
20. ไข่สดและใหม่มากเกินไป เวลาทำไข่ต้มมักมีปัญหาปอกเปลือกยาก ไข่เป็นรอยขรุขระ ไม่น่ารับประทาน ลองเติมน้ำส้มสายชูครึ่งช้อนชาลงในน้ำต้มไข่ ไข่ขาวจะไม่ติดเปลือก ปอกง่ายขึ้นกว่าเดิม
21. ต้มแปรงสีฟันขนแข็งๆ ในน้ำส้มสายชู ขนจะนุ่มไม่ทิ่มเหงือกให้เจ็บปากอีก
22. ปัญหาหินปูนจับตามเครื่องซักผ้า เครื่องล้างชาม แก้ด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย เทใส่เครื่องพร้อมปิดฝา เปิดเครื่องให้ทำงานตามปกติจะเห็นเครื่องสะอาดทันตา
หรือ วิธีรักษาเครื่องซักผ้า ให้ใช้น้ำอุ่นพอประมาณ ผสมน้ำสมสายชูสักครึ่งลิตรใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า เปิดสวิตซ์ทำงานปกติ น้ำส้มสายชูจะช่วยไล่คราบฝุ่นออกจากตัวเครื่อง และป้องกันการอุดตันได้ด้วย
23. อยากรับประทานผัดไทย หอยทอด ขนมจีน กับถั่วงอก อวบอ้วน ขาว กรอบละก็แช่ถั่วงอกลงในน้ำผสมน้ำส้มสายชูไว้สักครู่
24. ดอกกุหลาบช่อใหญ่ อยากให้สดอยู่นานๆ น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 5 กรัม ผสมน้ำสะอาด 5 ถ้วย ให้ฉีดพ่นกุหลาบทั้งช่อ
25. แก้ปัญหาก้นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่ใช้ไปนานๆ เกิดคราบดำผสมคราบไคลน้ำข้าวจับหนาเตอะ อย่าใช้ฝอยขัดหม้อขัด ให้ใช้น้ำส้มสายชูครึ่งส่วนผสมน้ำ 1 ส่วน เติมลงหม้อ เสียบปลั๊ก รอจนเดือดปุดๆ จึงถอดปลั๊ก เทน้ำทิ้ง ล้างด้วยฟองน้ำจะออกง่าย
26. หยดน้ำส้มสายชูลงบนแว่นตา เช็ดด้วยผ้านุ่ม รอยขีดข่วนจะหายไป พร้อมคราบเหงื่อไคล
27. เสื้อผ้าสีขาวสะอาด เมื่อใช้ไปนานๆ มักกลายเป็นสีขาวขุ่น เพียงผสมน้ำส้มสายชูขณะซัก จะทำให้ผ้าขาวสะอาดยิ่งขึ้น
28. ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดชำระล้างผมในน้ำครั้งสุดท้าย จะพบว่าช่วยล้างแชมพูได้สะอาดหมดจด เส้นผมเป็นเงางาม มีน้ำหนัก ปราศจากรังแคด้วย
29. แก้ปัญหาสีน้ำแห้งแข็ง ใช้น้ำส้มสายชูผสมทิ้งเอาไว้
สีน้ำที่แห้งแข็งก็จะอ่อนเหลว นำมาใช้ได้ใหม่อีกครั้ง
30. แก้ปัญหากะทะใหม่ ที่มักประสบปัญหาทอดอาหารแล้วติดกะทะ ก่อนนำกะทะมาใช้ให้เทน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเท่าๆ กันลงในกะทะและนำไปตั้งไฟรอจนเดือด แล้วเทน้ำส้มสายชูทิ้ง ใช้น้ำสะอาดล้างอีกที จากนั้นก็ใช้งานตามปกติ
31. ย่างปลาไม่ให้ติดตะแกรง นำน้ำส้มสายชูมาทาให้ทั่วตะแกรงก่อนย่างปลา เวลาปลาสุกจะไม่ติด และทำความสะอาดตะแกรงง่าย
32. ขจัดคาวปลาหมึก ใช้น้ำส้มสายชูแกว่งกับน้ำ นำปลาหมึกมาแช่ไว้ 5-10 นาที กลิ่นคาวปลาหมึกจะหมดไป
33. ก่อนจะลอกหนังปลาหมึกให้แช่ปลาหมึกในน้ำส้มสายชูสักครู่ จะลอกหนังง่ายขึ้น
34. ป้องกันไม่ให้หัวปลีดำ ต้องแช่หัวปลีลงในน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง
35. หุงข้าวสวยให้เป็นปุย ใส่น้ำมะนาว หรือ น้ำส้มสายชู ลงในหม้อข้าวขณะหุง เมื่อข้าวสุกจะไม่เหนียวติดกัน
36. ทอดอาหารไม่ให้อมน้ำมัน เติมน้ำส้มสายชูลงไปในน้ำมันเล็กน้อย
37. ขจัดรอยจีบกระโปรง ใช้ฟองน้ำชุบน้ำส้มสายชู ทาตรงรอยจีบให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าบางๆ ทาบรีดด้วยเตารีดอุ่นๆ รอยจีบกระโปรงหรือรอยเลาะตรงขากางเกงจะเรียบหายไปตามต้องการ
38. วิธีกำจัดมดในครัว ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดตรงทางเดินมด มดจะไม่เดินมาบริเวณที่เราเช็ดด้วยน้ำส้มสายชูไว้
39. ลวกลูกชิ้นปลาที่เก่าและเหม็นคาวให้อร่อย ลูกชิ้นปลาที่แช่ตู้เย็นไว้นานๆแล้วมีกลิ่นเหม็นคาว ให้ล้างด้วยน้ำผสมกับน้ำส้มสายชู จากนั้นจึงลวกลูกชิ้น แล้วค่อยนำไปประกอบอาหาร
40. รอยเปื้อนกาวบนเสื้อผ้า ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดที่รอยเปื้อน นำมาแช่ในน้ำเย็น แล้วซักตามปกติ
41. ใช้น้ำส้มสายชูผสมต้นโทงเทงสด หรือผักคราดหัวแหวนสดๆ คั้นเอาน้ำชุบสำลีอมไว้ข้างแก้ม ค่อยๆกลืนทีละนิด แก้ฝีในคอ หรือต่อมทอนซิลอักเสบได้ชะงักนักแล
42. แช่ผักชีสักก้านในน้ำส้มสายชู ดูว่าใบยังคงเขียวไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพื่อทดสอบว่าเป็นน้ำส้มสายชูแท้
3.
น้ำยาล้างจาน
น้ำยาล้างจาน คือสารชำระล้าง (detergent) ที่ใช้ช่วยในการล้างจาน มีส่วนผสมของสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ที่มีการระคายเคืองต่ำ
ประโยชน์หลักของน้ำยาล้างจานคือใช้ล้างภาชนะและเครื่องครัวด้วยมือหลังจากประกอบหรือรับประทานอาหารแล้ว
น้ำยาล้างจานทำให้สิ่งสกปรกและไขมันหลุดจากภาชนะและรวมตัวเป็นอีมัลชัน (emulsion) อยู่ในน้ำหรือฟอง (foam) เนื่องจากโมเลกุลของน้ำยาล้างจานประกอบด้วยส่วนที่มีขั้วและไม่มีขั้วเช่นเดียวกับผงซักฟอก ส่วนที่มีขั้วจะจับกับโมเลกุลของน้ำ
และส่วนที่ไม่มีขั้วจะจับกับสิ่งสกปรกให้หลุดออก ในสมัยก่อนมีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น สบู่ล้างจาน หรือ ครีมล้างจาน เนื่องจากเคยผลิตในรูปของสบู่และครีมมาก่อน
ปัจจุบันน้ำยาล้างจานมีส่วนผสมอื่นรวมอยู่ด้วย เช่น น้ำมะนาวหรือชา ซึ่งเชื่อว่าเป็นการช่วยให้ภาชนะสะอาดมากขึ้นและถนอมมือมากกว่าเดิม
ข้อเสีย
ฟองของน้ำยาล้างจานเป็นสิ่งปิดกั้นบนผิวน้ำ
ทำให้ออกซิเจนในอากาศละลายน้ำไม่ได้ และกั้นไม่ให้แสงอาทิตย์ส่องลงไปใต้ผิวน้ำ
พืชน้ำก็จะไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ เมื่อสิ่งมีชีวิตในน้ำขาดออกซิเจนก็จะตายลง และเมื่อสิ่งมีชีวิตตายลงจะส่งผลทำให้น้ำเน่าเสีย
นอกจากนั้น สารเคมีบางชนิดในน้ำยาล้างจานอาจเป็นอันตรายกับทั้งพืชน้ำและสัตว์น้ำ
และยังอาจทำให้ผิวของเราระคายเคืองบ้างเล็กน้อย
ประโยชน์
1. กำจัดวัชพืช
ถ้าแปลงผักหรือสวนที่บ้านมีวัชพืชมารบกวน ก็ถึงเวลาต้องกำจัดออก แต่ถ้าไม่อยากใช้ความรุนแรงอย่างการใช้ยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีมากำจัดวัชพืช น้ำยาล้างจานนี่แหละที่ช่วยคุณได้ เช่น การใช้น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา ผสมกับเกลือ 1 ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู 1 แกลลอน คนทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วก็นำไปราดบริเวณที่มีวัชพืชเติบโตอยู่ได้เลย อ้อ ! อย่าลืมราดลงบนรอยแตกบนพื้นดินด้วยนะคะ จะได้ป้องกันวัชพืชเติบโตมารบกวนได้อีก สูตรนี้รับรองว่าปลอดภัยกับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ และดินของคุณอย่างแน่นอน
2. ไล่มด
น้ำยาล้างจานก็สามารถใช้กำจัดมดได้ เพราะวัชพืชกับมดมีความน่ารำคาญพอ ๆ กัน ดังนั้นเราก็ควรกำจัดมดไปให้พ้นด้วย โดยผสมน้ำส้มสายชูและน้ำสะอาดในปริมาณเท่า ๆ กัน จากนั้นก็เติมน้ำยาล้างจานลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะ คนทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วนำไปใส่ในขวดสเปรย์ เพื่อเอาไว้ฉีดตามร่องทางเดินของมด เท่านี้มดก็จะไม่กล้ามาเดินเกะกะเพ่นพ่านอีกต่อไปแล้วล่ะ
3. เติมความเขียวชอุ่มให้สนามหญ้า
สำหรับบ้านที่มีสนามหญ้าหน้าบ้าน และมีเครื่องพ่นสารเคมีขนาดความจุ 10-20 ออนซ์ ให้นำเบียร์ 1 กระป๋อง หรือจะใช้น้ำอัดลมชนิดไม่มีน้ำตาลก็ได้ มาผสมกับกากน้ำตาล ½ ถ้วยตวง และน้ำยาล้างจาน 1 ถ้วยตวง จากนั้นก็เติมน้ำลงไปให้เต็ม เสร็จแล้วก็ใช้ส่วนผสมนี้ฉีดพ่นให้ทั่วสนามหญ้าทุก ๆ 3 สัปดาห์ หากฉีดพ่นเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็จะพบว่าสนามหญ้าบ้านของคุณเขียวชอุ่มสวยงามจนน่าอิจฉาเลยจ้า
ถ้าแปลงผักหรือสวนที่บ้านมีวัชพืชมารบกวน ก็ถึงเวลาต้องกำจัดออก แต่ถ้าไม่อยากใช้ความรุนแรงอย่างการใช้ยาฆ่าหญ้า หรือสารเคมีมากำจัดวัชพืช น้ำยาล้างจานนี่แหละที่ช่วยคุณได้ เช่น การใช้น้ำยาล้างจาน 1 ช้อนชา ผสมกับเกลือ 1 ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู 1 แกลลอน คนทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วก็นำไปราดบริเวณที่มีวัชพืชเติบโตอยู่ได้เลย อ้อ ! อย่าลืมราดลงบนรอยแตกบนพื้นดินด้วยนะคะ จะได้ป้องกันวัชพืชเติบโตมารบกวนได้อีก สูตรนี้รับรองว่าปลอดภัยกับต้นไม้ชนิดอื่น ๆ และดินของคุณอย่างแน่นอน
น้ำยาล้างจานก็สามารถใช้กำจัดมดได้ เพราะวัชพืชกับมดมีความน่ารำคาญพอ ๆ กัน ดังนั้นเราก็ควรกำจัดมดไปให้พ้นด้วย โดยผสมน้ำส้มสายชูและน้ำสะอาดในปริมาณเท่า ๆ กัน จากนั้นก็เติมน้ำยาล้างจานลงไปสัก 1 ช้อนโต๊ะ คนทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วนำไปใส่ในขวดสเปรย์ เพื่อเอาไว้ฉีดตามร่องทางเดินของมด เท่านี้มดก็จะไม่กล้ามาเดินเกะกะเพ่นพ่านอีกต่อไปแล้วล่ะ
สำหรับบ้านที่มีสนามหญ้าหน้าบ้าน และมีเครื่องพ่นสารเคมีขนาดความจุ 10-20 ออนซ์ ให้นำเบียร์ 1 กระป๋อง หรือจะใช้น้ำอัดลมชนิดไม่มีน้ำตาลก็ได้ มาผสมกับกากน้ำตาล ½ ถ้วยตวง และน้ำยาล้างจาน 1 ถ้วยตวง จากนั้นก็เติมน้ำลงไปให้เต็ม เสร็จแล้วก็ใช้ส่วนผสมนี้ฉีดพ่นให้ทั่วสนามหญ้าทุก ๆ 3 สัปดาห์ หากฉีดพ่นเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็จะพบว่าสนามหญ้าบ้านของคุณเขียวชอุ่มสวยงามจนน่าอิจฉาเลยจ้า
บอกไปหลายคนอาจจะไม่เชื่อ ว่าน้ำยาล้างจานสามารถทำให้ผมเงางามดูสุขภาพดีได้ด้วย เนื่องจากแชมพูธรรมดาอาจจะไม่เพียงพอที่จะชำระล้างคราบสกปรกออกจากผมได้หมดจด แต่น้ำยาล้างจานสามารถทำได้ เหมือน ๆ กับการชำระล้างคราบสกปรกบนจานชามของเรานี่ล่ะค่ะ ฉะนั้นหากผมของคุณรู้สึกไม่สะอาดหมดจด ก็ลองผสมน้ำยาล้างจานลงในแชมพูสักเล็กน้อย จะได้พิสูจน์ว่าน้ำยาล้างจานสามารถทำให้ผมเราสะอาดขึ้นได้จริง ๆ ด้วยล่ะ แต่อย่าลืมลงครีมนวดทุกครั้ง เพื่อลดความหยาบกระด้าง
บางครั้งการที่แอร์ไม่ค่อยเย็น อาจจะเป็นเพราะฟิลเตอร์แอร์มีฝุ่นเกาะจนสกปรกก็ได้ ดังนั้นหากเริ่มรู้สึกว่าแอร์ทำความเย็นได้ไม่ดีเท่าเดิม ก็ควรต้องถอดเอาฟิลเตอร์ออกมาล้างบ้าง โดยแช่ฟิลเตอร์ในน้ำอุ่นผสมกับน้ำยาล้างจาน และใช้แปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วขัดคราบสกปรกออกให้หมดจด เสร็จแล้วก็ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอีกครั้ง และเช็ดให้แห้งสนิทก่อนจะนำกลับไปใส่ที่แอร์ดังเดิม น้ำยาล้างจานจะช่วยให้คราบเหล่านั้นหลุดออกอย่างง่ายดาย
ใบมีดเครื่องปั่นเป็นส่วนที่ถือว่าทำความสะอาดได้ยากที่สุด เนื่องจากมีลักษณะซับซ้อน และมีความคมที่อาจจะทำอันตรายเราได้ แต่แทนที่เราจะทำความสะอาดตามปกติ แนะนำให้ประกอบเครื่องปั่นให้พร้อมใช้งาน จากนั้นก็ใส่น้ำอุ่นลงไปในโถปั่น ตามด้วยน้ำยาล้างจานอีกนิดหน่อย ปิดฝาเครื่องปั่น และกดปุ่มให้เครื่องปั่นทำงานประมาณ 2-3 วินาที จากนั้นก็นำเครื่องปั่นไปล้างน้ำสะอาด และเช็ดให้แห้งสนิทก่อนจะเก็บเข้าที่ เพียงเท่านี้คราบสกปรกและกลิ่นติดค้างในเครื่องปั่นก็จะหายไปแล้วค่ะ
4. ยาสีฟัน
ยาสีฟันถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยอียิปต์โบราณ โดยยาสีฟันทำจากการผสมวัตถุดิบธรรมชาติได้แก่
เกลือป่น พริกไทยป่น ใบมินต์ และดอกไม้ต่างๆ ในสมัยโรมันมีการคิดค้นสูตรยาสีฟันของตัวเองขึ้นมาใหม่
ซึ่งออกแนวค่อนข้างแปลกประหลาดเพราะใช้ปัสสาวะของมนุษย์เป็นส่วนผสมหลัก
โดยชาวโรมันเชื่อว่าแอมโมเนียที่อยู่ในปัสสาวะอาจจะช่วยให้ฟันขาวสะอาดขึ้น
ต่อมาช่วงราวศตวรรษที่ 18 ยาสีฟันตำรับอเมริกันที่ใช้ขนมปังเผา
ศตวรรษที่ 19 นิยมของยาสีฟันประเภทผง จนถึงยุคสมัยปัจจุบัน
บริษัทคอลเกตถือเป็นผู้ผลิตเจ้าแรกที่คิดค้นยาสีฟันแบบหลอดบีบขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1896
ส่วนประกอบพื้นฐานหลักของยาสีฟัน ก็จะมี..
1. ผงขัดที่ละเอียดเพื่อเป็นตัวขัดสีให้แผ่นคราบจุลินทรีย์และคราบต่าง ๆ ที่ติดอยู่ที่ตัวฟันหลุดออก
2. สารทำให้เกิดฟองเพื่อให้คราบฟันหลุดออกได้ง่าย
3. สารแต่งกลิ่นและรสเพื่อให้น่าใช้ และรู้สึกสดชื่น แต่ไม่ได้หมายความว่า จะลดกลิ่นปากได้
4. สารเพิ่มความชื้นเพื่อให้ยาสีฟันไม่แห้ง มีความชุ่มชื้น
5. สารทำให้ยาสีฟันข้น มีลักษณะเป็นครีม และ
6. สารกันบูดเพื่อให้สามารถเก็บยาสีฟันได้นาน ส่วนประกอบพื้นฐานทั้ง 6 นี้ยาสีฟันชนิดครีมเกือบทุกยี่ห้อจะมีเหมือนกัน
1. ผงขัดที่ละเอียดเพื่อเป็นตัวขัดสีให้แผ่นคราบจุลินทรีย์และคราบต่าง ๆ ที่ติดอยู่ที่ตัวฟันหลุดออก
2. สารทำให้เกิดฟองเพื่อให้คราบฟันหลุดออกได้ง่าย
3. สารแต่งกลิ่นและรสเพื่อให้น่าใช้ และรู้สึกสดชื่น แต่ไม่ได้หมายความว่า จะลดกลิ่นปากได้
4. สารเพิ่มความชื้นเพื่อให้ยาสีฟันไม่แห้ง มีความชุ่มชื้น
5. สารทำให้ยาสีฟันข้น มีลักษณะเป็นครีม และ
6. สารกันบูดเพื่อให้สามารถเก็บยาสีฟันได้นาน ส่วนประกอบพื้นฐานทั้ง 6 นี้ยาสีฟันชนิดครีมเกือบทุกยี่ห้อจะมีเหมือนกัน
ส่วนประกอบที่สำคัญที่ทำให้ยาสีฟันแต่ละชนิดยี่ห้อมีคุณสมบัติแตกต่างกัน
ได้แก่ สารฟลูออไรด์ สารฆ่าเชื้อโรค สารหรือผงขัดฟันที่ทำให้ฟันขาว ฯลฯ…ทีนี้เรามาดูประโยชน์อื่นๆที่เราจะใช้ได้จากยาสีฟัน กันดีกว่าค่ะ
1.
ทำความสะอาดเครื่องประดับ เช่น
แหวน สร้อย กำไร เงิน ใช้ยาสีฟันกับแปรงสีฟันขัดทำความสะอาด
แล้วใช้ผ้าเช็ดถูให้เงางามอีกที
2.
ลบคราบสกปรกบนเนื้อผ้า ป้ายยาสีฟันบนรอยเปื้อนของเสื้อผ้า
แล้วขยี้ก่อนที่จะนำลงเครื่องซักผ้า ข้อควรระวัง
อย่าใช้ยาสีฟันไวท์เทรนิ่งกับผ้าสี สีอาจจะตกได้
3. ทำความสะอาดครอบไฟรถยนต์ ฝาครอบไฟรถยนต์เมื่อใช้ไปนานๆ
จะสกปรกและมีรอยขีดข่วนทำให้ความสว่างของแสงไฟลดลง
ให้ทำความสะอาดครอบไฟด้วยน้ำและน้ำยาล้างรถก่อน จากนั้นใช้ยาสีฟันทาและขัดด้วยผ้านุ่ม
4. ขจัดคราบบริเวณยางรองเท้า รองเท้าผ้าใบที่มีบริเวณขอบยางสีขาวหรือสีอ่อน
มักจะมีรอยขูดขีดและมีคราบสกปรก คุณสามารถใช้ยาสีฟัน
ขัดทำความสะอาดรอยขูดขีดให้สะอาดเหมือนใหม่ได้
5. ปกปิดรอยผิวพื้นวัสดุ ยาสีฟันยังสามารถปกปิดร่อยรอย
ขูดขีด หรือหลุมขนาดเล็กๆ บริเวณพื้นผิวต่างๆ ได้เช่น กำแพง พื้นไม้ ฯลฯ
6. ทำความสะอาดห้องน้ำ โดยเฉพาะบริเวณประตูในห้องอาบน้ำ
ทำให้สะอาดได้เกลี้ยงเกลา
7. ลบรอยขูดขีดเล็กๆ
บนแผ่นซีดี ดีวีดี รอยขีดข่วน รอยด่าง เล็กๆน้อยๆ
สามารถลบออกจากแผ่นได้ โดยใช้ยาสีฟันถูเบาด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้าไมโครไฟเบอร์
โดยเช็ดจากศูนย์กลางออกไปด้านข้าง จะใช้ได้ผลเฉพาะรอยขูดขีดที่เล็กน้อยเท่านั้น
แต่ไม่ควรทำบ่อยเพราะแผ่นอาจชำรุดได้
8. ล้างทำความสะอาดมือ บางครั้งสบู่ก็ไม่ทำให้กลิ่นเหม็นๆ
เช่น ปลา หัวหอม ที่ติดมือหายไปได้ ยาสีฟันจะดีกว่าในการลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ วิธีใช้บีบยาสีฟันแล้วตบเบา
ๆ ที่มือของคุณและถูแบบเดียวกับสบู่
หลังจากนั้นก็ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวที่มืออีกครั้ง
9. ทำความสะอาดเตารีด เมื่อเตารีดของคุณใช้ไปนานๆ
จะมีรอยคราบสกปรกสะสม คุณสามารถทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ และยาสีฟัน
ขัดทำความสะอาด
10. ทำความสะอาดเครื่องเงิน ไม่ว่าจะเป็น
ช้อนส้อม แจกัน เชิงเทียนหรือเครื่องประดับเงิน
สามารถกลับมาใหม่ได้โดยขัดกับยาสีฟันลงบนผ้านุ่ม สำหรับบริเวณที่เป็นร่อง
ให้ใช้แปรงสีฟันนุ่มแปรงออก จากนั้นเช็ดด้วยผ้าแห้ง
11. ทำความสะอาดแว่นตาดำน้ำ คุณสามารถใช้ยาสีฟันทำความสะอาดด้านในแว่นตา
เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นไอน้ำด้านใน ค่อยๆ ใช้ยาสีฟัน ถูเบาๆ
อย่าถูแรงเพราะอาจเป็นรอยได้ เคล็ดลับนี้ใช้ได้กับแว่นว่ายน้ำ, จักรยาน หรือแว่นตาสกี
12. ทำความสะอาดอ่างล้างหน้า เราใช้อ่างล้างหน้าในการแปรงฟันทุกวัน
และเวลาแปรงก็มักจะมียาสีฟันตกลงไปในอ่างล้างหน้า แทนที่จะให้เสียของ
เราสามารถใช้ยาสีฟันขัดถูทำความสะอาดอ่างล้างหน้าได้
อีกทั้งยาสีฟันก็ไม่ต้องตกไปสะสมในท่อของอ่างล้างหน้าอีกด้วย
ให้ใช้ผ้านุ่มและถูด้วยยาสีฟันรอบอ่างของคุณ
13. ทำความสะอาดวัสดุโครเมี่ยม คราบสกปรกบริเวณก๊อกน้ำโครเมี่ยม
คุณลองใช้ยาสีฟันและผ้านุ่มๆ ถูขัดบนก๊อกน้ำ แล้วล้างออก
รับรองก๊อกน้ำกลับมาเงาแว๊บเหมือนใหม่ วิธีนี้สามารถใช้กับวัสดุโครเมี่ยมได้หลายๆ
ชนิด
14. หน้าจอโทรศัพท์ เหมาะมากสำหรับมือถือที่ไม่ได้ติดฟิล์มป้องกันหน้าจอ
ยาสีฟันสามารถทำความสะอาดหน้าจอบนอุปกรณ์มือถือเช่นโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต
ให้ใช้ยาสีฟันกับผ้าฝ้ายถูเบา ๆ ที่หน้าจอ
จากนั้นเช็ดทำความสะอาดหน้าจอด้วยผ้าสะอาดอีกครั้ง
15. ใช้ล้างขวดน้ำดื่ม ขวดนม
ขวดพลาสติก กระบอกฉีดน้ำที่เป็นคราบ และยังสามารถขจัดกลิ่นได้ดีมาก
How to play Blackjack for real money and win at blackjack online
ตอบลบLearn how to play Blackjack 속초 출장마사지 for real money and win at blackjack 경주 출장안마 online. Learn how to play blackjack for real money and win at blackjack online. Learn how to 경주 출장마사지 play blackjack for 여수 출장마사지 real money 오산 출장샵